จากกรณีอาจารย์ ม.ดัง ในจังหวัดพิษณุโลก เสียชีวิตด้วย โรคไข้หูดับ และมีการสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตทำการหั่นชิ้นเนื้อเพื่อทำหมูกระทะในขณะที่มีแผลบริเวณมือ จนเกิดติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ แนะนำว่าหากมีแผลที่มือควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อสัตว์หรือเลือดสัตว์โดยตรง อาจสวมถุงมือเพื่อสุขอนามัยที่ดี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากเชื้อที่อาจปนเปื้อนจากแผลที่มือเข้าสู่เนื้อหมูหรือจากเนื้อหมูเข้าสู่แผล

พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้ว่าเชื้อโรคนี้ สามารถติดต่อผ่านบาดแผลเข้าสู่กระแสเลือดได้ แต่กรณีนี้ ถือว่าพบได้ไม่บ่อยนัก ที่มีการสัมผัสเชื้อจากเนื้อหมูดิบ จนกระทั่งติดเชื้อเข้าไปทางบาดแผลจนเกิดเหตุดังกล่าว โดยปกติ ไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส จะเกิดจากการรับประทานเนื้อสัตว์หรือเลือดสัตว์ดิบ หรือสุกๆดิบๆ มากกว่า

ทั้งนี้ในการผลิตสุกรตลอดห่วงโซ่ที่ควบคุมโดยกรมปศุสัตว์ จะมีการควบคุมทุกกระบวนการ ทั้งการเลี้ยงในฟาร์มที่อยู่ภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกร หรือ GAP (Good Agricultural Practices) สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ และการเลี้ยงในฟาร์มขนาดเล็กตามมาตรฐาน GFM (Good Farm Management) ที่เน้นการจัดการให้มีระบบ Biosecurity ที่เข้มงวด

เมื่อออกจากฟาร์มสุกร ต้องผ่านโรงเชือด ที่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพและการจัดการตลอดกระบวนการ โดยคำนึงถึงความสะอาด และป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคในกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้เนื้อหมูที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค จากนั้นเนื้อหมูจะส่งไปจำหน่ายยังสถานที่ที่สะอาดถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์ที่กรมปศุสัตว์รับรอง ในโครงการ ปศุสัตว์ OK

เรื่องนี้ไม่ได้พบบ่อย จึงขอฝากเตือนประชาชน อย่าตื่นตระหนก เพราะสามารถป้องกันได้ด้วยการบริโภคเนื้อหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น การรับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด ต้องเน้นการปรุงสดใหม่ และปรุงให้สุกทุกครั้ง ที่อุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อต่างๆได้ ขอย้ำให้เลิกรับประทานเนื้อสัตว์ดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ อาจเสี่ยงป่วยโรคไข้หูดับ ทำให้หูหนวกถาวรหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์