ที่ทำการคณะก้าวหน้า อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยอดีตกรรมการบริหารพรรค แถลงถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้สำนักงาน กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่ออดีต กก.บห.16 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจากกระทำผิดมาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในประเด็นกู้ยืมเงินจากนายธนาธร "ธนาธร" ยันตั้งพรรคการเมืองด้วยเจตนาดี - ลั่นเดินหน้าไม่ถอยแม้อิสรภาพจะมีเวลาจำกัด

ธนาธร กล่าวว่า เจตนารมย์พวกเรา เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาด้วยความหวังดี เราเสนอตัวเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า เราต้องการทำพรรคการเมืองแบบใหม่ พรรคการเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของ พรรคการเมืองที่ไม่ใช้เงินซื้อสิทธิ์ซื้อเสียง พรรคการเมืองที่ยึดมั่นด้วยอุดมการณ์ไม่ใช่ผลประโยชน์ พรรคที่เอาชนะใจผู้คนด้วยนโยบาย นั่นก็เพื่อที่จะดึงศรัทธาประชาชนให้กลับมาในระบอบรัฐสภาอีกครั้ง และเราก็สร้างพรรคนี้ขึ้นมาและทำมันอย่างโปร่งใส ซึ่ง กกต. ระดับปฏิบัติการหลายท่านยืนยันได้ ว่าเอกสารต่างๆ ที่เราทำนั้นทำอย่างโปร่งใสแค่ไหน ซึ่งหลายคนเอ่ยปากชมเรื่องการพยายามทำพรรคการเมืองให้โปร่งใส แต่แน่นอนว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้การตั้งพรรคการเมืองนั้นเป็นเรื่องยาก ไม่มีเงินทำพรรคไม่ได้ เพราะต้องมีสาขาพรรค ต้องมีตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ต้องมีสมาชิกพรรคที่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าสมาชิก ฯลฯ เราตั้งพรรคโดยตระหนักว่ากฎหมายไม่อยู่กับเรา ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นคุณกับเรา แต่เราก็ตั้งใจสู้ในระบบเพราะมองว่าความเปลี่ยนแปลงในระบบรัฐสภาสันติที่สุด เราไม่รับบริจาคจากนายทุนใหญ่ เราระดมทุน เราขายสินค้า แต่ที่สุดก็บอกว่าห้ามขายออนไลน์ จนสุดท้ายก็ออกมาในรูปแบบของเงินกู้ เราทำพรรคด้วยความตั้งใจ แต่สิ่งที่เราได้รับคือการยุบพรรคอย่างนี้เหรอ ทั้งที่ถ้าไปถามใครต่อใคร ต่อให้มีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยม ต่อให้มีอุดมการณ์เสรีนิยม พรรคการเมืองแบบนี้ไม่ใช่เหรอที่เราอยากได้


"เรายืนยันถึงเจตนาที่ดีในการสร้างพรรคการเมือง พรรคที่ทุกคนเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่เป็นธรรมที่เราได้รับ อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอบคุณประชาชนที่ยืนหยัดเป็นพลังให้เราเดินต่อไป สู้ต่อไป ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจ จับมือ หยิบยื่นความปรารถนาดีให้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราถอยไม่ได้ เพราะยังมีคนรอคอยเราอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นหยุดยั้งเราไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงเศษหินในรองเท้า ทำให้เสียสมาธิ เสียเวลา แต่เรายังเดินหน้าต่อไป ถึงแม้ว่าอิสรภาพของเราอาจจะมีเวลาที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนที่กล้าหาญกว่าพวกเรา ไม่ว่าจะเป็น ทนายอานนท์ นำภา - รุ้ง ปนัสยา รวมถึงคนอื่นๆ คนเหล่านี้ยังยืนหยัด ซึ่งถ้าเรายอมแพ้ตอนนี้ เราจะตอบคนเหล่านี้ว่าอย่างไร เราจะตอบคนที่อายุน้อยกว่าเรา คนที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำกว่าเราได้อย่างไร ดังนั้นเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างหนักแน่น คดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่ยอมให้ลดทอนข้อเรียกร้อง ในการยืนหยัดสร้างประชาธิปไตย สร้างประเทศไทยที่คนทุกคนเท่าเทียมกัน" ธนาธรกล่าว

ชี้ผู้มีอำนาจไม่ยอมรับว่ามีปัญหา - ซ้ำยังหว่าน "เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง" ให้การใช้ความรุนแรงชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าธนาธรอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร ธนาธรระบุว่าข้อกล่าวหาว่าเราอยู่เบื้องหลัง ข้อกล่าวหาว่าต่างชาติอยู่เบื้องหลัง หรือข้อกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ อย่างแรกที่สุดเราต้องเข้าใจว่า การแสดงออกเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และข้อเสนอต่างๆ ของพวกเขานั้น ไม่มีข้อใดพูดถึงเรื่องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ สิ่งที่เรียกร้องคือเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เหมาะกับยุคสมัย และสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราเห็นจากผู้มีอำนาจคือการไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของปัญหานี้ ไม่ว่าจะในสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐสภา ถ้าเราไม่ยอมรับในปัญหา เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร การจะแก้ไขปัญหาได้ เราจะต้องตระหนักร่วมกันก่อน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการตระหนักจากฝั่งผู้มีอำนาจเลย เหตุนี้เราจึงเป็นกังวล เพราะแทนที่จะยอมรับแล้วแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ วิธีการที่รัฐบาลเลือกใช้คือการโหมกระพือความเกลียดชัง ให้คนเข้าใจผิดว่าผู้ชุมนุมต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ นี่คือสิ่งที่เป็นอันตราย นี่คือการให้ประชาชนเลือกข้างว่าจะอยู่ข้างสถาบันกษัตริย์ หรืออยู่ข้างผู้ชุมนุม ซึ่งในอดีตเส้นแบ่งเรื่องการเลือกข้างเบลอๆ แต่ครั้งนี้ชัดมาก นี่คือเรื่องอันตราย ไม่สมควรทำ

"และที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกรัฐบาลหว่านไว้กำลังเติบโต เราได้เห็นมาแล้ว เช่น ข่าวนักเรียนที่ไม่ยืนเคารพธงชาติโดนจิกหัวตบ หรือเหตุการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุมที่ ม.รามคำแหง กลุ่มคนเหล่านี้ผมไม่เชื่อว่าถูกจ้างมาทำ แต่พวกเขาทำเพราะจิตสำนึกที่ถูกสร้างมาทำให้คนเกลียดชังกัน และการอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฝั่งสมาชิกวุฒิสภา จะเห็นว่าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดังนั้นวันนี้เราต้องทำความเข้าใจร่วมกัน รับฟังด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ด้วยความมีวุฒิภาวะ เพราะถ้าเราไม่หยุดยั้งเมล็ดพันธุ์แห่งการเกลียดชังจะเป็นต้นไม้ จะเติบโตทำให้การใช้ความรุนแรงกับผู้เห็นต่างมีความชอบธรรม อยากให้ทุกคนกลับมามีสติ บ้านเมืองเราพอมีทางออกได้ อย่าปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังนี้ให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะถ้าเติบโตแล้วจะแก้ไขยากมาก"